Monday 18 November 2019

life as a druggie (4, final)

ข้างในซอย เหลียวซ้ายจะเจโต๊ะแปดอยู่ตรงแสงฟ้า

ผมรู้จักแม่มาสักพักแล้ว ถึงจะไม่สนิทกันมากก็ตาม
แต่ผมไม่เคยเห็นเค้าอารมณ์เสียขนาดนี้
ปกติผมและแม่คุยกันสนุกสนานดี
แต่วันนี้ก็เหมือนมารยาททางสังคมหายวับไปกับตาทันทีเลย
สุดท้ายผมต้องถอยตัวกลับมาที่บ้านวุฒิโดยไม่มีอะไรคืบหน้า
แต่ก่อนที่เราจะเลิกคุยกันวันนั้น
เรายังเจอช่วงเวลาสั้นๆ ที่คุยกันรู้เรื่องหน่อย
เมื่อแม่เข้าใจเจตนารมณ์ผมผิดว่า ผมจะรับน้องไว้ไปเลี้ยงที่บ้าน
แม่คิดผิดว่า ผมกำลังเสนอตัวว่าจะรับธีร์เป็นลูกเลี้ยง โดยแม่ไม่ต้องหนักใจเรื่องลูกอีกแล้ว เพราะผมจะดูแลเอง
จากเปล่งเสียงแข็งกร้าวที่เค้าใส่อารมณ์กับผมในช่วงแรก
แม่ปรับลีลาการพูดให้นุ่มนวลสบายหูมาก เหมือนแมวที่เจอชามนมใหญ่โต
‘ไมเคิลอยากเป็นพ่อเลี้ยงเค้าเป็นลูกเหรอ’
เค้าถามพร้อมยิ้ม
‘ไม่หรอกคับ’ ผมรีบตอบ
‘ผมไม่ใช่ญาติแท้ๆเค้าหรอก ไม่มีหน้าที่ต้องไปเลี้ยง ไม่เหมือนแม่อ่ะ
แม่ทำหน้าตกใจดูผิดหวังชัดเจน
ผมเจอคำถามแบบแม่จากผู้ใหญ่ในซอยบ่อย
เค้าชอบทาบถามดูในทำนองว่า
‘ไมเคิลอยากรับลูกเราไปเลี้ยงที่บ้านมั้ย’
เค้าคงไม่มีเวลาดูแลลูกเองหรือไม่มีตังค์พอเลยอยากโยนภาระออกไป
เค้าคงเห็นว่าฝรั่งอยู่ได้สบาย และผมรักเด็ก เลยคิดไปกันใหญ่
แต่พูดถึงแม่น้องนะ ในช่วงนี้จะมีแต่ผมและวุฒิที่กล้าไปคุยกับเค้าเรื่องลูก (เท่าที่ผมรู้)
คนข้างในส่วนใหญ่จะไม่อยากยุ่ง
วุฒิเคยไปคุยกับแม่ในเชิงเดียวกับผม คือเป็นห่วงสภาพน้อง แล้วอยากรู้ว่าแม่จะยอมให้กลับบ้านเมื่อไร
แต่วุฒิโดนแม่ร้องตะโกนใส่เช่นกัน

ผมมารู้ทีหลังว่า แม่เป็นห่วงว่า ลูกจะโตช้ากว่าเพื่อนๆ หลังจากน้องเสียเวลานานเล่นยาอย่างเดียว
ผมเห็นด้วย
ส่วนเพื่อนน้องรุ่นราวคราวเดียวกัน
บางคนยังเล่นยาก็จริง
แต่ส่วนใหญ่นะ เราเห็นเพื่อนของน้องเค้าเริ่มจะโตและมีความคิดแตกต่างได้แล้ว
เค้าคงไม่อยากเสี่ยงแบบน้องหรอก
เค้าเลือกเดินเส้นทางชึวิตที่รุ่งเรืองมากกว่านี้
ถ้าไม่เรียนต่อก็เริ่มทำงานแล้ว พอมีเวลาว่าง อาจชวนกันไปเล่นบอลหรือไปหาแฟนข้างนอก
แทบจะไม่มีใครเหลือแล้วที่อยากนั่งเสียเวลาเล่นยาอย่างเดียว
นอกจากพวกฮาร์ดคอร์ที่เสพยาประจำที่โต๊ะแปดนั้นเอง
ซึ่งมักจะเป็นรุ่นพี่ของน้อง ไม่ใช่วัยรุ่นในวัยเดียวกันแล้ว
หนุ่มๆพวกนี้ ยังพอมีงานทำบ้าง  มีแฟนกับครอบครัวด้วย แต่ดันยังเล่นยาอยู่ เหมือนคนที่โตช้ากว่าเพื่อนฝูงอย่างที่แม่ว่า...
น้องอาจะไม่รู้หรอก
แต่เราเห็นบรรยากาศในซอยกำลังเปลี่ยนตามไปด้วย
จากเมื่อปีก่อน ผมอาจจะเห็นเด็กวัยรุ่นตั้งกลุ่มเป็น 6-8 คน ยืนอยู่หน้าบ้านวุฒิ หรืออยู่กับเพื่อนข้างใน
ดูดยากันใหญ่แบบเปิดเผย ไม่แคร์ว่าคนอื่นจะมอง
(โดยผลปฏิกิริยาจากยาไม่เหมือนกันทุกคน ดูดเข้าไปเด็กบางคนจะเกิดอาการง่วงนอนเกือบหลับเลย ในขณะคนอื่นจะตึ่นเต้น)
มาถึงทุกวันนี้แทบไม่มีใครกล้าเล่นกันเป็นกลุ่ม หรือที่เปิดเผยขนาดนี้
ผู้เสพบางคนถูกตำรวจและทหารจับเรียบร้อย (ผมเห็นเค้าเดินตระเวนตามซอย ตำรวจรู้ดีว่าบ้านไหนมีเด็กชอบเล่น เค้าจะดิ่งไปเคาะประตูบ้านนั้นทุกที)
นอกนั้นคนในวัยน้องเริ่มจะโตขึ้นแล้ว พอเริ่มมีความรับผิดชอบในชีวิตเค้าจะเลิกทิ้งยาไปเอง
แต่น้องธีร์ของเรายังทำตัวไม่รู้เรื่อง
น้องชอบเล่นจนดึก ถ้าเล่นหนักอาจจะเมายาเพลินจนหลับไป
กระทั่งพี่ๆที่ร่วมเล่นกันก่อนหน้านั้นจะแยกย้ายกลับบ้านไปหมดแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน
เค้าจะทิ้งน้องนอนคนเดียวไม่รู้สึกตัว

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม